รมว.ศึกษาธิการ มอบนโยบาย ผอ.เขตพื้นที่ทั่วประเทศ

รมว.ศึกษาธิการ มอบนโยบาย ผอ.เขตพื้นที่ทั่วประเทศ

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวในการเป็นประธานการประชุมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศ โดยมี นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) รองเลขาธิการ กพฐ. และผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เข้าร่วม ณ โรงแรมปรินซ์พาเลซ มหานาค กรุงเทพฯ

โดยนางสาวตรีนุช ได้กล่าวว่า ผู้อำนวยการ สพท. ถือเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนการศึกษาในระดับภูมิภาค เพราะทำงานใกล้ชิดกับผู้อำนวยการโรงเรียนและครูมากที่สุด จึงถือว่าเป็นบุคคลสำคัญในการช่วยส่งต่อนโยบายทางด้านการศึกษาสู่การขับเคลื่อนในสถานศึกษาและหน่วยงานการศึกษาทั่วประเทศ เพื่อดูแลจัดการศึกษาให้กับเยาวชนที่เป็นอนาคตของประเทศ ได้ตามความคาดหวังของสังคม และทราบดีว่า ทุกคนต้องทำงานภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ต้องบริหารการศึกษาและบริหารงานบุคคลไปพร้อม ๆ กัน แต่จะทำอย่างไรเพื่อที่จะช่วยร่วมกันขับเคลื่อนงานการศึกษาให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างผันผวนในยุค VUCA World ให้ได้มากที่สุด

“ในวันนี้เราทุกคนไม่ได้ทำเพียงแค่สอนหนังสือและบ่มเพาะผู้เรียนเท่านั้น แต่เรื่องความปลอดภัยของนักเรียน ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องดูแลเช่นกัน เพราะปัจจุบันภัยสังคมโดยเฉพาะปัญหายาเสพติด เริ่มเข้ามาหาเด็กที่เป็นกลุ่มเปราะบางแล้ว จึงขอฝากผู้อำนวยการ สพท. ช่วยกำกับติดตามและเข้าไปดูแลโรงเรียน ตลอดจนรวบรวมข้อมูลในเขตพื้นที่ที่ดูแลรับผิดชอบ ว่า มีโรงเรียนที่มีความพร้อมกี่แห่ง มีโรงเรียนต้องการความช่วยเหลือเท่าไร เพื่อให้รู้ข้อมูลความต้องการของลูก ๆ ในมือของเรา ที่จะทำให้เขตพื้นที่การศึกษาสามารถดูแลโรงเรียนได้ดียิ่งขึ้น

รมว.ศึกษาธิการ มอบนโยบาย ผอ.เขตพื้นที่ทั่วประเทศ

และขอให้เขตพื้นที่การศึกษา มีส่วนช่วยในการสร้างโอกาส สร้างความเสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษา โดยขับเคลื่อนโครงการพาน้องกลับมาเรียน ช่วยเหลือเด็กตกหล่นและเด็กออกกลางคันให้ได้รับการศึกษา และฝึกอาชีพระยะสั้น พร้อมกับติดตามตรวจสอบเพื่อป้องกันเด็กหลุดจากระบบการศึกษาอีก รวมทั้งขับเคลื่อนโครงการ 1 ครูอนามัย 1โรงเรียน ตามเป้าหมายของ ศธ.ให้นักเรียน 1 ล้านคน สามารถทำ CPR ได้ ส่วนการเรียนแบบ Active Leaning และการเรียนประวัติศาสตร์ ขอให้ช่วยกันขับเคลื่อนต่อไป โดยวางเป้าหมายว่า พัฒนากระบวนการเรียนการสอนให้มีความน่าสนใจ เด็กสามารถคิดวิเคราะห์ได้ เข้าใจประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และนำมาพัฒนาซอฟต์ พาวเวอร์ ของตนเองได้

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ได้มีมติเห็นชอบปรับปรุงมาตรกรควบคุมกำลังคนในส่วนของข้าราชกรครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชกครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก..ศ. สามารถบริหารอัตรากำลังในโรงเรียนที่มีครูเกินเกณฑ์ มากำหนดตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน ที่มีจำนวนนักเรียน 61-119 คน

เพราะที่ผ่านมา ศธ.ตระหนักและทราบถึงปัญหาของโรงเรียนขนาดเล็ก (นักเรียน 61-119 คน) ไม่มีผู้บริหารโรงเรียนจำนวนมาก ซึ่งอยู่ระหว่าง ศธ.เสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งจะเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้ครูและผู้บริหารโรงเรียนขนาดเล็ก และเพื่อไม่ให้นักเรียนเสียโอกาสทางการศึกษา” รมว.ศธ.กล่าว

นางสาวตรีนุช กล่าวอีกว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นักเรียนได้เข้าทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือ โอเน็ต ไปแล้ว ซึ่งที่ผ่านมา ศธ. ประกาศยกเลิกการใช้ผลสอบโอเน็ตในการตัดสินผลการเรียนของผู้เรียนที่จบการศึกษา จึงขอย้ำให้สร้างการรับรู้แก่ผู้บริหารและครูด้วย ว่า จะไม่นำผลสอบโอเน็ตมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน แต่ขอให้ใช้ผลสอบโอเน็ตในการวัดระดับความรู้ของนักเรียน โดยใช้สำหรับวิเคราะห์และจัดกระบวนการเรียนการสอนให้ความรู้แก่นักเรียนเพิ่มเติม รวมทั้งให้ติดตามการใช้งบประมาณของโรงเรียนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด มีความโปร่งใส ทั้งเงินอุดหนุนรายหัวแบบขั้นบันได และเพิ่มเงินอุดหนุนอาหารกลางวันตามขนาดของโรงเรียน ให้นักเรียนได้รับอาหารที่มีคุณภาพ พร้อม ๆ กับการสร้างความเชื่อมั่นในระบบการบริหารงานบุคคล เพื่อให้สังคมมีความเชื่อมั่น ส่วนครูเองก็มีขวัญกำลังใจในการทำงาน สามารถพัฒนาเด็กได้ต่อไป

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ willyit.com

แทงบอล

Releated