น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

‘ตรีนุช’วอนอย่านำการศึกษามาเป็นเรื่องของการเมือง

น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยกรณีนักวิชาการด้านการศึกษา กล่าวถึงที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบปรับอัตราเงินอุดหนุนรายหัวตามความจำเป็นพื้นฐานเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้เรียนและเพิ่มศักยภาพสถานศึกษาในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปี ตั้งแต่ระดับก่อนประถมศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย และประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ทั้งสถานศึกษาของรัฐและเอกชน ครอบคลุมการศึกษาในระบบ นอกระบบ และการศึกษาทางเลือก

โดยปรับเพิ่มแบบขั้นบันไดต่อเนื่อง 4 ปีงบประมาณ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566-2569 เป็นการหาเสียงทางการเมืองนั้น ว่า ตนมองว่าเรื่องนี้เป็นวาทะกรรมพูดกัน ตนไม่อยากให้เรื่องของการศึกษาเป็นเรื่องของการเมือง ที่ผ่านมารัฐบาลมีนโยบายขับเคลื่อนการศึกษาจำนวนมาก เช่น การลดความเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาสทางการศึกษา ช่วยเหลือกลุ่มเด็กเปราะบางให้ได้รับการศึกษา และในปี 2564 ครม. มีมติเห็นชอบให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ของโรงเรียนในสังกัด ศธ.และสังกัดอื่นๆ

เพื่อช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษา ที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัด ศธ.ทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ และไม่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ และสถานศึกษานอกสังกัด ศธ.ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ชั้นอนุบาล-ม.6 และอาชีวศึกษา ในอัตรา 2,000 บาทต่อคน เป็นต้น

เงินอุดหนุนรายหัวของนักเรียน

“ยืนยันว่าการเพิ่มเงินอุดหนุนรายหัวของนักเรียน ไม่ใช่การหาเสียง เพราะในปีนี้ เราเห็นชัดว่าค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างมาก รัฐบาลมองว่าเรื่องดังกล่าวจะนิ่งเฉยไม่ได้ เพราะจะส่งผลกระทบต่อการศึกษาแน่นอน ต้องเร่งขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน เพื่อที่จะส่งความช่วยเหลือไปถึงโรงเรียนและผู้ปกครองโดยตรง ดิฉันไม่อยากให้มองเป็นประเด็นอื่น อยากให้มองว่าเป็นความตั้งใจของรัฐบาลที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียนทุกคน” น.ส.ตรีนุช กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตุว่าทำไมถึงเร่งผลักดันในช่วงที่รัฐบาลใกล้หมดวาระ น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้เพิ่งผลักดัน เพราะสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ได้วิจัยมาต่อเนื่อง 2 ปี โดย สกศ.ได้ปรับอัตราเงินอุดหนุนให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจในปัจจุบัน

ด้านว่าที่ร.ต. ธนุ วงษ์จินดา รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการหาเสียงทางการเมือง เนื่องจากเงินอุดหนุนไม่ได้เพิ่มมากว่า 10 ปีแล้ว ตั้งแต่น้ำมันลิตรละ 10 บาท ข้าวสารถังละ 80 บาท แต่วันนี้ทุกอย่างเพิ่มขึ้นเท่าตัว แต่ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษายังใช้อัตราเดิม และการเพิ่มเงินอุดหนุนดังกล่าวเป็นการวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายตามสภาพเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ไม่เกี่ยวกับการหาเสียงทางการเมือง เพราะได้มีการวิจัย สอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลถึงความน่าจะเป็น เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

“เรื่องนี้ ผมต้องขอชื่นชม รัฐมนตรีว่าการศธ. ที่ช่วยผลักดันจนได้มีการเพิ่มเงินอุดหนุนรายหัวครั้งนี้ เพราะถ้าเราไม่ปรับเพิ่มเงินอุดหนุนก็จะกระทบถึงคุณภาพการศึกษา เพราะขณะนี้ค่าสาธารณูปโภค เครื่องแบบนักเรียน อุปกรณ์การเรียนการสอน เพิ่มมากขึ้น และยังเป็นการแก้ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำด้วย” ว่าที่ ร.ต.ธนุ กล่าว

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ willyit.com

UFA Slot

Releated